23 มิ.ย. 2563 19:00 น.
"ผิวเครียด" เป็นโรคทางจิตวิทยาผิวหนังชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Psychodermatology ซึ่งเกิดจากสภาวะของจิตใจหรือความเครียดที่ส่งผลโดยตรงต่อสภาพของผิวพรรณ หรืออธิบายอย่างง่ายๆ คือความเครียดไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนบางชนิดออกมามากกว่าปกติ และเมื่อระดับฮอร์โมนในร่างกายเสียสมดุล ก็ส่งผลเสียต่อกระบวนการทำงานทั้งหมดของร่างกาย รวมถึง "ผิวพรรณ" ด้วยนั่นเอง ตัวอย่างของโรคผิวหนังที่เกิดจากอาการผิวเครียด ได้แก่ เริม สะเก็ดเงิน และงูสวัด โดยโรคผิวเครียดมักพบได้มากในวัยทำงานและวัยเรียนที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันในการใช้ชีวิตในแต่ละวันสูงกว่าคนในวัยอื่น ลองมาดูกันว่า "ความเครียด" ส่งผลเสียต่อผิวพรรณของเราได้อย่างไรบ้าง (วิธีรับมือกับ "ริ้วรอย" จาก "ความเครียด")
1. การอักเสบหรือการระคายเคืองของผิวหนัง
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าส่วนต่างๆ ในร่างกายของเรามีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ, จิตใจ หรือแม้แต่กระเพาะอาหาร ดังนั้นเมื่อสภาพจิตของเราตกอยู่ในความเครียด ก็ย่อมส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ช้าหรือน้อยลง ยิ่งความเครียดถูกสะสมเป็นระยะเวลานานมากขึ้นเท่าไร ระบบการย่อยอาหารก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น จนอาจก่อให้เกิดการอักเสบของลำไส้ได้ในที่สุด และเมื่อระบบภายในร่างกายเกิดการอักเสบแล้ว ก็สามารถส่งผลต่อสภาพภายนอกของร่างกายซึ่งก็คือผิวหนังนั่นเอง โดยอาจมาในรูปแบบของสิว, โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคติดเชื้อทางผิวหนังอื่นๆ
2. ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น
ความเครียดเรื้อรังส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่มีชื่อว่า "Cortisol" ซึ่งเจ้าฮอร์โมนตัวนี้มีผลกระทบต่อผิวพรรณ เพราะมันไปลดความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวหนัง นอกจากนั้นแล้วความเครียดยังไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมามากกว่าปกติ ซึ่งทำให้ต่อมเหงื่อขยายตัว ร่างกายจึงเสียสูญเสียน้ำเกินความจำเป็น จนเกิดภาวะผิวขาดน้ำได้
3. สิวจากความเครียด
เคยสังเกตมั้ยเวลาที่เรากังวลหรือเครียดกับอะไรมากๆ มักมีสิวอักเสบผุดขึ้นมาบนใบหน้า นั่นเป็นเพราะว่าเวลาที่เราเครียด เซลล์ในร่างกายของเราผลิตไขมันที่เมื่อผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและแบคทีเรีย จะเข้าไปอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเราต่างรู้กันดีว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ที่แม้แต่การล้างหน้าบ่อยๆ ก็ไม่อาจช่วยแก้ปัญหานี้ได้ แถมยังอาจส่งผลให้ผิวหน้าแห้งและลอกเป็นขุยไปเสียอีก
4. ผิวหน้าหมองคล้ำ
"ความเครียด" กระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนที่เวลาเราตกอยู่ในอันตราย โดนโจมตี หรือมีภัยคุกคาม คือร่างกายจะส่งการไหลเวียนของเลือดไปที่อวัยวะสำคัญๆ ที่มีผลต่อการอยู่รอดก่อน เช่น หัวใจ, สมอง, ปอด และตับ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อสัดส่วนการไหลเวียนของเลือดถูกส่งไปยังอวัยวะเหล่านั้นเป็นส่วนใหญ่ ผิวพรรณที่รวมถึงผิวหน้าจึงมีเลือดมาหล่อเลี้ยงน้อยลง ซึ่งส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ดูอิดโรย ไม่กระจ่างใส
5. ผลเสียต่อหนังศีรษะและเส้นผม
หนังศีรษะและเส้นผมของแต่ละคนตอบสนองต่อภาวะความเครียดของจิตใจแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลกับร่างกายของเราอย่างไร บ้างพบว่าเส้นผมมีน้ำมันมากกว่าปกติ ในขณะที่บางรายเส้นผมกลับแห้งแตกปลาย เกิดรังแคบนหนังศีรษะ หรือในรายที่รุนแรงอาจถึงขั้นผมร่วงจนผิดสังเกต ซึ่งทั้งหมดมีสาเหตุมาจากการที่เราจมอยู่กับความเครียดมากๆ เช่น เมื่อเรามีความเครียดที่มาจากการป่วยทางกาย ร่างกายของเราจะหันไปซ่อมแซมอวัยวะส่วนที่อ่อนแอก่อน และหยุดการสร้างเส้นผม รวมถึงการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นผม เพราะมันไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงหรือฟื้นตัวกลับมาได้ตามปกติ
วิธีรับมือเมื่อ "ผิวเครียด"
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อวัน
- ออกกำลังกาย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ลองฝึกโยคะ อีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยฝึกจิตไปพร้อมๆ กับการบริหารกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกาย
- ฝึกการนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก
- รู้เท่าทันสภาวะอารมณ์ของตัวเองและพยายามผ่อนคลายความเครียดที่มีอยู่
- ลองสังเกตช่วงเวลาที่คุณมีปัญหาเกี่ยวกับผิว หากปัญหาต่างๆ มักเกิดในช่วงที่คุณเครียดหรือมีความกังวลสูง แปลว่าอาการเหล่านั้นมีสาเหตุมาจากสภาวะทางจิตใจ ไม่ใช่การแพ้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่คุณใช้อยู่ ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดคือควรหาวิธีเพื่อลดความเครียด โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือหยุดใช้สกินแคร์
- หาเวลาว่างเพื่อทำกิจกรรมที่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย เช่น การฟังเพลง หรือออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง
MIRROR Picks
by วัชรพงษ์ กาญจนกฤต (ฮ้อ)
หนุ่มหน้าตี๋ ดีกรีช่างแต่งหน้าทำผมจากออสเตรเลีย พร้อมตำแหน่งช่างภาพสายแฟชั่นอีกหนึ่งความสามารถ
"การดูแลผิว" - Google News
June 23, 2020 at 07:00PM
https://ift.tt/2AScZk0
ผิวคุณ "เครียด" อยู่หรือเปล่า? - ไทยรัฐ
"การดูแลผิว" - Google News
https://ift.tt/2V6mSR3
No comments:
Post a Comment